การฝังเข็ม "เพื่อความงาม" การแพทย์แผนจีน

05 เมษายน 2565


 

การฝังเข็ม ศาสตร์แพทย์แผนจีน

                    การฝังเข็มตามจุดต่างๆบนเส้นลมปราณบริเวณใบหน้าและตามจุดต่างๆบนร่างกาย เช่น แขนและขา เป็นต้น โดยอาศัยทฤษฎีเส้นลมปราณ ทฤษฎียินและหยาง ทฤษฎีอวัยวะภายในของศาสตร์การแพทย์แผนจีน ซึ่งในแต่ละบุคคลมีพื้นฐานร่างกายที่แตกต่างกัน เช่น มีความร้อนและความชื้นสะสมอยู่ในร่างกาย , มีการติดขัดของเลือดและลมปราณ หรือมีเลือดและลมปราณน้อยเกินไป เป็นต้น ส่งผลให้ใบหน้าหมองคล้ำ , ผิวมันเกิดสิวง่าย หรือใบหน้าซีดไม่มีชีวิตชีวา ทั้งนี้ การฝังเข็มนั้นมีประโยชน์ดังต่อไปนี้

- ช่วยปรับการไหลเวียนของเลือดและลมปราณบริเวณใบหน้า ทำให้ผิวหน้าดูสุขภาพดีมีเลือดฝาด

- กระตุ้นกล้ามเนื้อบนใบหน้าให้กระชับมากขึ้น

- ปรับการทำงานของต่อมไขมันบนผิวหน้าให้สมดุล ทำให้ผิวไม่แห้งหรือมันจนเกินไป

- ช่วยลดอาการอักเสบของสิว

- ปรับสมดุลของเลือด , ลมปราณและการทำงานของอวัยวะในร่างกาย ให้อยู่ในภาวะสมดุล เมื่อร่างกายสุขภาพดี ก็จะส่งผลให้ผิวหน้ามีสุขภาพดีด้วย

                หากรับประทานผักผลไม้น้อย, ทานอาหารรสจัด, ท้องผูกขับถ่ายไม่ดี, ไม่รักษาความสะอาดของผิวหน้า, นอนหลับพักผ่อนน้อย, เครียดจากการเรียนหรือการทำงาน ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวได้

                อาหารที่มีฤทธิ์เย็น ขับพิษร้อน เพิ่มความชุ่นชื้น สามารถช่วยลดการอักเสบของสิวได้ เช่น เห็ดหูหนู , มะระ , ฟักเขียว , รากบัว , แตงโม , สาลี่ , แอปเปิ้ล

- ช่วยลดอาการอักเสบ โดยการกระตุ้นการหลั่งสารที่มีผลต่อการไหลเวียนและระบบภูมิคุ้มกัน

- ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดต่างๆ

- ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของระบบเลือดและน้ำเหลือง ลดอาการบวม

 

ฝังเข็มอีกทางเลือกหนึ่งของการรักษาสิวที่ไม่พึ่งสารเคมี

การเกิดสิวโดยทั่วไป อาจมาจาการรับประทานผักผลไม้น้อย, ทานอาหารรสจัด, ท้องผูกขับถ่ายไม่ดี, ไม่รักษาความสะอาดของผิวหน้า, นอนหลับพักผ่อนน้อย,ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงตามวัย, เครียดจากการเรียนหรือการทำงาน ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวได้ การฝังเข็มเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เพิ่มโอกาสทางการรักษาและปรับสมดุลของระบบต่างๆ

  • ช่วยลดอาการอักเสบ โดยการกระตุ้นการหลั่งสารที่มีผลต่อการไหลเวียนและระบบภูมิคุ้มกัน
  • ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดต่างๆ แผลจากสิวแห้งไว ยุบเร็วขึ้น
  • ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของระบบเลือดและน้ำเหลือง ลดอาการบวม
  • ไม่ใช้สารเคมีในการรักษา

ทางศาสตร์การแพทย์แผนจีนพบว่าอาหารที่มีฤทธิ์เย็น ขับพิษร้อน เพิ่มความชุ่นชื้น สามารถช่วยลดการอักเสบของสิวได้ เช่น เห็ดหูหนู , มะระ , ฟักเขียว , รากบัว , แตงโม , สาลี่ , แอปเปิ้ล เป็นต้น

นพ.เมฆินทร์  พจน์พิศุทธิพงศ์ 

ติดต่อศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูและแพทย์แผนจีน โทร. 033-038816
                  อีเมล์ : [email protected]


พจ.เมฆินทร์ พจน์พิศุทธิพงศ์

ความชำนาญ : เวชศาสตร์ฟื้นฟู

ข้อมูลเพิ่มเติม

แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด

ลดน้ำหนักด้วยปากกา

ข้อมูลเพิ่มเติม

Sleep Test ตรวจคุณภาพการนอน ค้นหาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ นอนโรงพยาบาล 1 คืน

ข้อมูลเพิ่มเติม

ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก

ข้อมูลเพิ่มเติม

โปรแกรมตรวจสุขภาพ Happy Life Program

ข้อมูลเพิ่มเติม

โปรแกรมคลอดบุตร สมิติเวชชลบุรี

ข้อมูลเพิ่มเติม

แพ็กเกจการคลอดแบบพรีเมียม
รพ.สมิติเวชชลบุรี

ข้อมูลเพิ่มเติม

วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก 4 สายพันธุ์ (3 เข็ม) HPV vaccine-4 valent

ข้อมูลเพิ่มเติม

IV DRIP ดริปวิตามิน สูตรกระจ่างใส

ข้อมูลเพิ่มเติม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด

เมื่อลูกน้อย...เท้าบิดหมุนเข้าใน

เด็กที่เดินแล้วมีปลายเท้าชี้เข้าหากัน เกิดจากการบิดหมุนของขาตั้งแต่สะโพกลงมา มีลักษณะการเดินผิดปกติและปัญหาเรื่องความสวยงามของขาที่ผิดรูป การตัดรองเท้าอาจพิจารณาในรายที่เป็นมากจนเท้าสะดุดกันเองเวลาวิ่ง เด็กที่มีเท้าบิดหมุนเข้าใน เด็กที่เดินแล้วมีปลายเท้าชี้เข้าหากันเกิดจากการบิดหมุนของขาตั้งแต่สะโพกลงมา แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ต้นขา หน้าแข้ง และเท้า แต่ละส่วนมีแนวทางการตรวจติดตาม และรักษา แตกต่างกันเล็กน้อย การบิดหมุนของส่วนต้นขา พบมากที่สุด ส่วนใหญ่จะหายได้เอง ก่อนอายุ 10 ปี การดัดและการตัดรองเท้า ไม่ช่วยในการหาย พยายามเลี่ยงการนั่งในท่า W แต่ไม่จำเป็นต้องให้นั่งขัดสมาธิ ในเด็กที่ทำไม่ได้ อาจให้นั่งเหยียดขาแทนเวลานั่งพื้น การตัดรองเท้าอาจพิจารณาในรายที่เป็นมากจนเท้าสะดุดกันเองเวลาวิ่ง การผ่าตัดอาจไม่จำเป็นถ้าไม่มีปัญหาในการดำรงชีวิต และหากจะทำควรทำเมื่อเด็กโตมากแล้ว การบิดหมุนของหน้าแข้ง พบได้น้อยเมื่อเทียบกับบริเวณอื่น ส่วนใหญ่จะหายเองก่อนอายุ 4 ปี การรักษาเบื้องต้นเพียงติดตามอาการเท่านั้น การผ่าตัดอาจไม่จำเป็นถ้าไม่มีปัญหาในการดำรงชีวิต และหากจะทำควรทำเมื่อเด็กโตมากแล้ว การบิดหมุนที่เท้า พบได้ค่อนข้างบ่อย สังเกตได้จากเท้าจะโค้งคล้ายกล้วย ถ้าสามารถดัดได้ง่าย โอกาสหายเองสูง ถ้าดัดได้ยากอาจพิจารณาใส่เฝือกหรือตัดรองเท้าช่วย ส่วนใหญ่หายเองก่อน 4 ขวบ ในกรณีที่ยังเป็นจนโต อาจพิจารณาผ่าตัดในรายที่มีปัญหาการใส่รองเท้า และกังวลเรื่องความสวยงาม